ว่าด้วยเรื่องกลัวแมงมุม

เราเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวอะไรนะ แบบที่ดารากลัวกันพวกกลัวมะม่วงสุก กลัวลอดช่องอะไรอย่างงี้อะไม่มี แต่เรากลัวสัตว์ชนิดหนึ่ง กลัวมาตั้งแต่จำความได้นั่นก็คือ แมงมุม นั่นเองไม่รู้ทำไม นี่แก่จนเลยยี่สิบห้าขวบมาแระก็ยังกลัวไม่เลิก ระดับความกลัวจะขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของแมงมุมเป็นสำคัญ คือ ถ้าตัวบางๆ ที่ชอบชักใยอยู่ทั่วไปหละโอเค แต่พอเริ่มเป็นตัวหนาหน่อยก็เริ่มไม่ได้แล้ว ยิ่งทั้งหนาทั้งใหญ่นี่ตายไปเลย (เราตาย) วันนี้เพิ่งคุยกับเพื่อนเรื่องกลัวแมงมุมเมื่อตอนกลางวันระหว่างทานอาหารเที่ยง สงสัยแมงมุมแถวนั้นแอบไปกระจายข่าวให้แมงมุมแถวหอเรารู้ มาเลยยยยย …. ตัวใหญ่ระยะเส้นผ่านศูนย์กลางเมื่อขากางเต็มที่ก็จะประมาณ 7 เซนติเมตรเห็นจะได้ เอากระเป๋าแนบที่อ่าน ปิ๊บ เพื่อเปิดประตูเข้าตึก ดึงประตูปึ๊บมองไปที่พื้นก็สะดุ้งโหยง มันอยู่ตรงนั้น!! ปล่อยประตูกลับดังโครมบวกถอยมาตั้งหลัก เราต้องขึ้นบันได 2 ขั้นค่ะพี่น้อง มันอยู่ตรงทางเลยอะทำไงดี ยืนเล็งเปิดประตูเข้าๆ ออกๆ อยู่หลายที แบบพยายามเสียงดังให้มันหลบๆ ไปข้างๆหน่อย สรุปพอประตูโครมนึง เจ้าแมงมุมก็ขยับทีนึง แต่ แต่ แต่ มันขยับเข้ามาสู่ตรงกลางเรื่อยๆ ค่ะ อาโหยวให้มันได้อย่างนี้สิ ยืนรวมรวมกำลังใจอยู่นาน ก็ยังยืนเล็งต่อไปเพราะกลัวไปสารพัด ว่าถ้าเดินเข้าไปมันจะวิ่งหรือเปล่าหรือมันจะกระโดดมาเกาะขา จินตการในทางนี้บรรเจิดมากมากในเวลานั้น
โอ้และแล้วมีคนออกมา เราก็ทิ้งประตูค่ะและวิ่งออกไปไกลจากประตู เกือบออกไปนอกตึกแล้ว ก็กลัวอะกลัวมันจะวิ่งออกมา เราก็ชี้แจงน้องๆสองคนไปนะ ว่าทำไมเราถึงดูเหมือนคนบ้า ห้าๆ แบบว่ามีแมงมุมค่ะน้อง พี่กลัววว แล้วสองสาวคนนั้นก็ซุบซิบกันว่าแมงมุม แมงมุมสักอย่าง หาว่าพี่ดัดจริตอะจี๊ รู้นะ เพราะเราก็เคยคิดอะว่าคนเรากลัวได้ไงกับ มะม่วงสุก!! เรียกร้องความสนใจแหงมๆ…. สงสัยจะรู้สึกคล้ายกันมั้ง เห้อคนเรา
และแล้วก็มีน้องคนนึงเดินจะเข้าตึก คราวนี้เราไม่หนีแล้วแต่คอยเฝ้าดูว่าพอมีคนเดินผ่าน เจ้าแมงมุมจะขยับหรือเปล่า สรุปว่าไม่ค่ะ จริงๆตอนที่มีคนออกมามันก็ไม่ขยับเลยนะ (เราแอบดูจากระยะไกล) ก็เลยโอเคเราต้องขึ้นไปให้ได้ ก็ชี้แจงเหตุผลให้น้องสาวคนนั้นรู้ตามระเบียบ ว่าน้องมันมีแมงมุม น้องบอกไม่เป็นไรค่ะ พอน้องเค้าเดินผ่านพื้นที่สีแดงไปแล้ว เราก็เห็นว่ามันไม่ขยับ เลยใกล้หายใจเดินไปด้วยใจระทึก จะวิ่งก็กลัวมันสะเทือนเดี๋ยวแมงมุมวิ่ง พอผ่านไปได้เราก็ บ่นงุบงิบๆ อยู่คนเดียวประมาณออกแนวบอกล่าวให้น้องสาวคนนั้นได้ยินด้วย “ปรกติไม่กลัวอะไรเลยนะนี่ แต่แมงมุมนี่ี่ไม่ได้เลย กลัวมั่กๆ” โถ จะพูดไปทำไม่เนี๊ยะเราน้องเค้าคงแบบว่า พี่บ่นอะไรอะ…. คือมันสติไม่อยู่กับร่องกับรอยอะค่ะ เพี้ยน บ่นแก้อายแก้เขินไปเรื่อย ตลกตัวเองจริงๆ
ว่ากันว่าคนเรากลัวอะไรมันก็จะดึงดูดสิ่งนั้นมาหา ก็จริงนะคือมันจะหาไงคะ มันเลยเจอเลยเห็นบ่อยกว่าคนอื่นเขา อย่างเข้าห้องน้ำในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี่ จะต้องให้เพื่อนเข้าไปดูให้ก่อนอะ หลังประตูไรเงี๊ยะ หลังๆเริ่มดีหน่อยแง้มๆ ดูด้วยตนเอง คือกลัวไงว่าจะเห็นแบบไม่ตั้งตัว เกิดเข้าไปในห้องน้ำแล้วเพิ่งมาให้เห็นว่ามันเกาะอยู่ที่ประตูไรงี้ กลัวทำอะไรไม่ถูก นึกแล้วขนลุก เหอๆ แต่อย่างไรก็ดีถึงเราจะกลัวแต่เราก็ไม่สนับสนุนการฆ่านะคะ แค่ไล่ๆ หรือจับมันไปปล่อยไกลๆเราหน่อยก็พอ เลิกฆ่าสัตว์มานานแล้ว มด ยุง อะไรอย่างงี้ก็ไม่ตบ เป็นคนดีไหม อิอิ คือเมื่อตอนเด็กโหดมาพอแล้วอะค่ะ เลยต้องลดละเลิก นี่อยากจะลดพวกอาหารจำพวกเนื้อลงแล้วทานผักผลไม้เยอะๆแทน เสียดายที่ทานผักไม่เก่ง…. เมื่อกี้ก็เพิ่งทานบาบีคิวเนื้อกับหมูอย่างละสามไม้ หุหุ ดีจริงๆ เราจะโต๊เราจะโต…. สุดท้ายขอให้ไม่เห็นแมงมุมที่บันไดในวันพรุ่งนี้ (ที่สำคัญอย่ามาที่ห้องด้วยนะจ๊ะ) แล้ววันนึงเมื่อเราเลิกกลัวเธอเราคงได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น สัญญาว่าจะฝึกฝน แต่คืนนี้ยังไม่ทันนะขอผลัดไปก่อนนะคะพี่ๆน้องๆแมงมุมทั้งหลาย อย่าเพิ่งมานะค๊าาา คิดว่าเห็นแก่ส้มตาดำๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ บ๊ายบายยย

Posted in Uncategorized | 5 Comments

ตะวันยังมีให้เห็น

ได้ฟังเพลง “ตะวันยังมีให้เห็น” มาหลายครั้งแล้วแต่แบบผ่านๆ บนรถเมล์บ้าง บนรถ taxi บ้าง บนรถส่วนตัวหนะไม่เคยค่ะเพราะว่าไม่มี อิอิ ฟังแล้วก็ชินหูเป็นบางท่อน ดนตรีกับเสียงคนร้องเศร้าได้ใจ ที่ฟังมานี่ไม่เคยได้รู้เนื้อหาของเพลงเลยว่าเป็นยังไง จนกระทั่งลองเอาเนื้อเพลงบางส่วนที่ได้ยินมาลองค้นในอินเทอร์เน็ตดู โห..พอได้อ่านเนื้อเพลงแล้วเพลงนี่นี้มันเศร้าาาา อย่างแรง บวกกับเสียงคนร้องและดนตรีเข้าไปด้วยนี่สุดๆ (ถ้าเสริมจินตนาการของตัวเองด้วยก็จะเศร้าแบบน้ำตาตกไปเลย..แง้) เนื้อหาก็ประมาณว่าถึงเมื่อคนรักจากไป แต่อย่างไรก็จะมีเธอคนนั้นอยู่เในใจเสมอเหมือนดวงตะวัน เป็นแรงให้ก้าวเดินต่อไป (นี่ชั้นจะเอาเนื้อเพลงของเค้ามาสลับที่ไปมาทำไมละนั้น) เนื้อเพลงก็ตามด้านล่างเลยค่ะ
เพลงนี้อ่านมาผ่านๆ ว่าทำนองเดิมนั้นเป็นของเพลงเกาหลี ประกอบเกมออนไลน์ที่ชื่อ Project A3 แล้วทางแกรมมี่ก็ซื้อทำนองมาทำเป็นเพลงไทย ขับร้องโดยคุณอ๊อฟ ปองศักดิ์ (ที่แสดงเรื่องตี๋ตระกูลซ่ง ด้วย คนที่ดูเกเรเกเรกว่าเพื่อน) ร้องเพราะดี เศร๊าเศร้า วันนี้เลยขอนำเสนอ music video ทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นออริจินัล ชื่อเพลง “Final choice” และเวอร์ชั่นไทยโดยมีชื่อเพลงว่า “ตะวันยังมีให้เห็น” เหมือนหัวข้อเรื่องวันนี้ จริงๆมีเวอร์ชี่นที่ไมเคิลเอาเพลง Final choice มาดัดแปลงด้วยหละ น่ารักมากก..ขอบอก อิอิ แต่อุ๊บอิ๊บไว้ก่อนดีกว่า (นี่คือเราอยากฟังมากก่อน youtube จะใช้ได้เลยขอให้ไมเคิลไปดาวโหลด .flv file ของเพลงนี้มาให้ ไมเคิลเลยเอาไปดัดแปลงซะเลย แล้วก็ส่งทั้งเวอร์ชั่นที่เราขอไป กับ เวอร์ชั่นที่ดัดแปลงโดยไมเคิลมาด้วย น่ารักน่ารัก…ขอบคุณนะจ๊ะ)
เอาหละเริ่มที่เนื้อเพลงไทยก่อนนะคะ

ตะวันยังมีให้เห็น – อ๊อฟ A3 Project

ภายในใจวนเวียนเฝ้าคิดถึงเพียงเธอ
หลับตายังคงเจอเธอ เหมือนเดิมเสมอทุกวัน
สัมผัส อบอุ่นที่เธอเคยมีให้กัน
กับความทรงจำ ที่ฉันนั้นไม่ลืม

เก็บไว้ จากวันที่ไกลห่างกัน
เมื่อฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
ที่จะรักเธอ และมีเธออยู่กับฉันตลอด
ไม่อยากต้องอยู่เพื่อมองเห็นเธอจากไป

แต่วันนี้ ฉันรั้งตัวเธอต่อไปไม่ไหว
เมื่อเธอกับฉันต้องเดินแยกทางกันไป
ไม่มีเธอแล้ว จะอยู่อย่างไร
ไม่ให้รักก็ควรต้องลืมใช่ไหม ฝืนใจตัวเองทุกครั้ง
และพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นไกลไกล
ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

ทุกอย่าง จดจำขึ้นใจได้ดี
เมื่อฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม
ที่จะรักเธอ และมีเธออยู่กับฉันตลอด
ไม่อยากต้องอยู่เพื่อมองเห็นเธอจากไป

แต่วันนี้ ฉันรั้งตัวเธอต่อไปไม่ไหว
เมื่อเธอกับฉันต้องเดินแยกทางกันไป
ไม่มีเธอแล้ว จะอยู่อย่างไร
ไม่ให้รักก็ควรต้องลืมใช่ไหม ฝืนใจตัวเองทุกครั้ง
และพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง
รู้เพียง ตะวันยังมีให้เห็นไกลไกล
ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

เธอจะเป็นคนเดียวอยู่ในใจฉัน
และจะเป็นเหตุผลเดียวเท่านั้น
ที่จะทำให้ฉันได้เดินต่อไป

ทุกอย่าง นั้นยังมีแปรเปลี่ยนไป
แต่ฉันจะมีแค่เธอในใจ มีแต่เธอในใจ เหมือนดวงตะวัน

ต่อไปเป็นคำอ่านถอดมาจากภาษาเกาหลีค่ะ (karaoke)

ชื่อภาษาเกาหลีว่า มา จี มาก ซอน แทก (Final choice) – คัง อู จิน

กือ ทอบ ชี นา รืล ตา รา โอ นืน กอน
อี ออ ดูม โซ เก นาล พอ รี โก ตอ นาน นอ รืล
ฮยาง ฮาน อี ยอล บยอง ชอ รอม พอ จี นืน
เน โมม คี พืน โก เซ คือ รี อูม

* นอ วา ฮาม เก ฮัน ซูน กา นืน
เน เกน อา จิค โต ซา รา ซูม ชวี นืน เด
อี รอ เค มอ รอ จยอ คา นืน นอล โพ มยอน ซอ
อี เจน นา รืล ชี วอ กา ยา เกท จี มาน

** ซา ราง เฮท ตอน คี ออ กี นา มัท ตา มยอน
อา จิค เน กา นอ รืล ซา ราง ฮัน ดา มยอน
ชี ทืน อี นูน มูล โล โด เน มา อืม ออท จี โม ทา นืน นา รืล
พอ รยอ ยา ฮา จี มาน
ชอ กี มอล รี โพ อี นืน เฮ กืท กา จี
โอ จิค ฮัน ซา รา มืล ฮยาง ฮาน อี มา อืม
คือ กอน เน กา ซาล ซู อิน นืน มา จี มา เก ซอน เท กี ราน กอล
นอน อา นืน จี

*/**

อูน มยอง กา ทืน อู รี มาน นัม โด
คยอน ดี กี ฮิม ดืน ซืล พืม โด
กือ ชี ออม นืน นูน มูล โด

คือ กอน เน กา ซาล ซู อิน นืน มา จี มา เก ซอน เท กี ราน กอล
คือ เก นา ราน กอล นอน อา นืน จี

Music video เพลง “ตะวันยังมีให้เห็น

Music video เพลง “Final choice”

เครดิต:
- เนื้อเพลงไทยจาก http://www.myfirstsight.com
- คำอ่านภาษาไทยถอดจากภาษาเกาหลี จากกระทู้พันทิป ห้องเฉลิมกรุง โดยคุณ THExE

ปล. แนะนำอีกเว็บค่ะที่มีเพลงไทยมากมายให้ฟัง พร้อมเนื้อเพลงไทย, คำอ่านภาษาอังกฤษ และเนื้อเพลงแปลเป็นภาษาอังกฤษ คือเว็บ ethaimusic ค่ะ ดีมากเลยเวลาจะให้เพื่อนหรือใครที่ไม่เข้าใจภาษาไทยได้หัดร้องเพลงไทยและเข้าใจความหมายด้วย ไม่ต้องแปลเอง สบายเลย(จริงๆไม่กล้าแปลเพราะคงห่วยมากๆ แห่ะแห่ะ) แนะนำค่ะแนะนำสำหรับคนที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ เป็นการสนับสนุนเพลงไทยไปในตัว

ปล2. 5-6 วันมานี่เปิดแต่เพลงนี่หละค่ะ วนไปวนมา ห้าๆๆ บ้าไปแล้ว…

Posted in Songs | 2 Comments

ซื้อลองกองวันนี้มีของแถม

วันนี้หลังจากกลับมาจากการพบปะกับเด็กบิฟ (bioinformatics) ทั้งหลาย ก็กลับมาถึงบ้าน พอตอนค่ำก็เอาผ้าไปซักและไปทานอาหารค่ำที่ศูนย์อาหารสวนหมาก วันนี้ไปทานคนเดียวเพราะน้องแพรกลับไปแล้ว ขากลับก็แวะซื้อลองกองมาพวกนึง 21 บาท (6 ขีด) มาถึงห้องปุ๊บก็จัดการรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ลูกต่อลูกไปเรื่อยๆ และแล้วก็ …….ตัวใหญ่อวบอ้วนเชียว พันแกนก้านลองกองอยู่ อึ๋ยๆ ถึงเราจะไม่ได้กลัวกิ้งกือ แต่เจอแบบเซอร์ไพร์อย่างงี้ก็ตกใจนะค๊าา กรี๊ดดดดด แอบกรี๊ด และกระดกไหล่แหยงๆหยึ๋ยๆ พอเป็นพิธี…..แล้วก็เด็ดลูกต่อไปมาทานต่อ ปล่อยให้น้องกิ้งกือนอนต่อไป แล้วจากนั้นจิตใตก็ได้พลันจินตนาการไปถึงยามที่เราทานลูกลองกองไปเรื่อยๆ จนเกือบหมด แล้วเห็นแต่น้องกือพันกับก้านลองกองเปลือยเปล่า นึกแล้วแหยงๆ ขึ้นมาเป็นพิเศษ เลยพักการรับประทานชั่วคราวมาเขียนประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า คืนนี้เราเจอกิ้งกือแฝงพวงลองกอง (แทนที่ มดแดงแฝงพวงมะม่วง) มาบอกกล่าวแค่นี้หละค่ะ เชิญดูรูปได้ด้านล่างค่ะ ฝันดีนะคะ

Millipede

ปล. คืนนี้ระวังกิ้งกือยักษ์มาพันขาตอนนอนนะ จะว่าไปแล้ว เราว่าเรานี่แหละฝันเองแน่ๆ …. อีกอย่างหนึ่งยังดีนะที่เจ้าตัวนี้เป็นกิ้งกือ ถ้าเป็นแมงมุมนี่เราไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้อาจจะหนีไปอยู่นอกห้องแล้วก็ได้ แง้ๆๆ กลัวๆๆ อย่ามานะ น้องส้มขอร้องงงงง…

Posted in Uncategorized | 2 Comments

เล่า เล่า ไม่มีชื่อเรื่อง

ช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงใกล้จะปลายปีแล้วอีกแค่สี่เดือนเท่านั้น ถือว่าไฟกำลังลน ร้อนขึ้นๆเลยทีเดียว งานยังไม่เสร็จเลย แล้วแถมมีงานเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก พอดีที่บริษัมีโครงการให้พนักงานสามารถเสนอโปรเจ็คที่อยากจะทำและเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เป็นอินโนเวชั่นอะไรแบบนี้ กลุ่มเราก็มีห้าคนและมีไอเดียหลักๆอยู่สองหัวข้อคือ ไอเดียเริ่มต้นที่มาจากหัวหน้าทีมและของเรา เมื่อวานนี้ก็ได้ไปประชุมกลุ่มกับ โต้โผใหญ่ของโครงการนี้ซึ่งเขาก็เป็นประมาณผู้บริหารด้านเทคโนโลยีของบริษัท (CTO– Chief Technology Officer) ในทีมก็มีการนำเสนอไอเดียหลักๆ ว่าเป็นอย่างไร อยากจะทำอะไรกันบ้าง ตอนแรกพี่หัวหน้าทีมก็เริ่มจากไอเดียของเขาก่อนซึ่งเป็นไอเดียหลักของกลุ่ม ซึ่งมองแล้วค่อนข้างจะยากมากเอาการ เพราะเป็นโปรเจ็คที่ใหญ่มากและบุคคลกรยังขาดความรู้ในด้านความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีว่าจะทำได้จริงหรือไม่ แต่ถ้าทำได้จริงคงเท่ไม่น้อย อิอิ

จากนั้นพี่หัวหน้าทีมก็ให้เรานำเสนอไอเดียอันที่สอง เราก็เล่าไปตอนแรกเสียงสั่นๆ ด้วยอะ ได้ฟังตัวเองเสียงสั่นๆ ก็ตลกดี จากนั้นก็เริ่มหายสั่นมีแต่ความนุ่มลุ่มลึก ห้าๆ แอบชอบเสียงตัวเองนิดหน่อย… พอพูดจบปรากฏคุณ CTO บอกว่าไอเดียน่าสนใจมาก เพราะด้านเทคโนโลยีก็ไม่มีปัญหา ทำได้แน่นอน คือเป็นการใส่ไอเดียด้าน business model เข้าไปโดยแอพพลายเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว แล้วเราก็ได้เสนอไปถึงแนวทางอื่นๆ ที่อาจจะเอาเชื่อมต่อขยายผลกับไอเดียได้อีก แต่ก็เป็นในลักษณะคร่าวๆ ยังไม่ลงในรายละเอียดมากนัก ระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยมีความคิดเห็นจากทุกๆคน ทำให้มีมุมมองที่จะคิดต่อไปได้อีก ชอบจังเลยการพูดคุยแบบนี้ สนุกดี สรุปคือปลายเดือนนี้ทีมเราก็จะมีประชุมกับคุณ CTO อีกโดยจะเป็นในรายละเอียดเชิงลึกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เราและทีมต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติมอีกอย่างมากในทุกๆ แง่มุมที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ ได้งานเพิ่มมาอีกงาน หึหึ… กรี๊ดดดดดด งานเดิมในหน้าที่ยังไม่เสร็จเลย แต่เอาเถอะต้องทำได้ ทำได้ บ่นๆเพื่อความครื้นเครง ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าโครงการนี้ได้เกิดและไปได้ดีคงตื่นเต้นบวกภูมิใจกันน่าดู สู้ๆนะเพื่อนๆ แต่กว่าจะได้เกิดนี่คงต้องอีกหลายขั้น แล้วก็ต้องผ่านการนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูง (คนที่จะอนุมัติเงินทุนไง อิอิ) น่าตื่นเต้นนะนี่นะ ต้องรอดูกันต่อไป…. ตอนนี้ก็อิ่มอกอิ่มใจนิดหน่อยที่มีคนเห็นว่าไอเดียของเรามันเข้าท่า

พอประชุมเสร็จก็ห้าโมงเย็นแล้ว เช็คเมลล์นิดหน่อย เสร็จแล้วก็เก็บสัมภาระเตรียมตัวไปงาน party ของบริษัทแต่จัดที่อีกตึกนึง ก็ได้ติดรถพี่โอหัวหน้าทีมไป งานครั้งนี้เป็นงานที่จัดเพื่อสุขสันต์วันเกิดให้คนในกลุ่ม Dek-D (D มาจากคำว่า developer) ที่เกิดในช่วงควอเตอร์ที่สามของปีนี้ งานสนุกดี สถานที่ตกแต่งสวย เกมสนุก อาหารก็ดี เราเองได้มีส่วนไปช่วยทีมงานนิดหน่อย คือไปช่วยตัดกระดาษ (พวกงานศิลปะ แอ๊ดว๊านซ มากมากนี่ทำไม่ได้อ่ะค่ะ) แล้วก็ไปเป็นคนสัมภาษณ์ managers ของแผนกต่างๆที่อยู่ในกลุ่ม Dek-D เพื่อนำมาตัดต่อเอามาแสดงเป็น video presentation ในงาน เห็นตัวเองบนจอก็ตลกดี บางมุมดูตัวใหญ่มาก นั่งใกล้กล้องไปหน่อย แต่ทุกอย่างทีมงานเค้าเตรียมมาดีและทำออกมาได้น่ารัก ชื่นชมๆ
ช่วงเล่นเกมมีเกมเสริมสร้างความสามัคคี โดยทีมงานจะตัดรูป managers ออกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมรูปละ 12 แผ่นและไปเอาไปติดไว้ใต้เก้าอี้ แล้วให้แต่ละคนช่วยกันต่อรูปออกมา โดยมีโค้ดเขียนอยู่ด้านหลัง ของเราได้โค้ดว่า “หมีแพนด้า” ซึ่งเราเห็นส่วนหนึ่งของหน้าในรูปก็จำได้ว่าเป็น manager ของเราเอง แถมปรากฏว่า manager เองก็ได้โค้ดหมีแพนด้าเหมือนกัน ได้รูปตัวเอง… อิอิ เราก็ไปตะโกนๆ วิ่งพล่านไปทั่วห้อง ตะโกนหาคนอื่นๆ ที่ได้ชิ้นส่วนที่มีโค้ดหมีแพนด้า
บางทีรู้สึกเหมือนกำลังร้องเพลงเลย “หมีแพนด้า หมีแพนด้า หมีแพนด้าาาาา” ขำดี พอได้ได้ครบก็ต่อลงฐานกระดาษที่ทีมงานทำเป็นกรอบรูปเตรียมไว้ให้ ไอเดียน่ารักและทำออกมาได้สวยเลย แล้วสุดท้ายก็มีการส่งตัวแทนออกมามอบรูปที่ต่อใส่กรอบเสร็จแล้วให้แด่ managers ทุกคน เกมนี้สนุกและน่ารักดี ได้ออกกำลังกาย วิ่งไปวิ่งมาด้วย หลังจากอิ่มมม.. อิอิ

เราไปห้องน้ำกลับมาสรุปว่าต้องขึ้นไปเล่นเกมบนเวที ตอนแรกมีประมาณ 12 คน แพ้คัดออกไปเรื่อยๆ

เกมแรก เป็นเกม “แทนคำนามในสุภาษิตไทย”
กติกา คือ แบ่งออกเป็นสองทีม แข่งกันทีละคู่ ให้พูดสุภาษิตไทยโดยแทนที่คำนามในสุภาษิตนั้นด้วยคำที่กำหนด และต้องตอบโต้ภายในช่วงเวลาประมาณสามวินาทีหลังจากฝ่ายตรงข้ามพูดจบ (พิธีกร นับ 1 2 3) คนแพ้โดนขีดหน้ากับลิปสติก และสุดท้ายทีมที่คะแนนรวมต่ำกว่าก็จะต้องแพ้และออกไป เมื่อวานคำที่กำหนด คือคำว่า “หอย” ลองคิดดูนะว่ามันจะเป็นไงบ้าง บางอันก็ออกมาฮาดีจริงๆ เกมนี้ทีมเราชนะแบบนิ่มๆ ได้เข้าไปในรอบถัดไป

เกมที่สอง เป็นเกม “แน่นอนอยู่แล้ว”
กติกาใครถามอะไรมาเราต้องตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้ว” แล้วถามคำถามกลับไปทันที สรุปเกมนี้ทีมที่เราอยู่ก็ชนะอีก

เกมสุดท้าย เป็นเกม “5..6..บรึ๋ย”
กติกา นับเลขไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นเลขที่หารด้วย 7 ลงตัว หรือลงท้ายด้วย 7 จะต้องพูดคำว่า “บรึ๋ย” ถึงตอนนี้เหลือแค่สามคนบนเวที แข่งไปแข่งมา เลยเรากับพี่อีกคน สรุปเราได้ที่สอง หละ ผิดจนได้ครั้งแรกที่เลข 42 ครั้งที่สองตรงเลข 50 ครั้งที่สองเอ๋อมากมาก ทั้งที่ 49 พี่เค้าเพิ่งพูดบรึ๋ยไป พอ 50 เราก็พูดบรึ๋ยอีก แถมยืนอยู่ตั้งนานถึงได้รู้ว่าผิด สติมันไปเที่ยวไหนไม่รู้ ว่าแล้วเชียวเกมนี้ต้องไม่ชนะแหงม ห้าๆ พอลงมามีแต่คนบอกว่า นึกว่าส้มจะชนะชัวร์นะนี่ แป่วว…หนูจิตแอบบไปเที่ยวค่ะพี่..ถึงจิตอยู่ก้ไม่แน่ว่าจะหารถูก ห้าๆ ได้ของรางวัลมาเป็น เครื่องสังฆธานในถังเหลืองชุดขนาดกลาง คนที่ได้ที่หนึ่งได้ชุดใหญ่ อิอิ น่ารักดี สนุกๆ
เกมพวกนี้เอาไอเดียไว้ไปเล่นได้นะคะ เวลามีงาน มีค่ายอะไรอย่างนี้

กลับมาถึงบ้านสี่ทุ่มกว่าแล้ว กว่าจะได้นอนก็เกือบตีสาม รู้สึกว่าหน้าตาน่ากลัวมาก ใต้ตา หน้า หมองคล้ำ วันนี้เลยตื่นเที่ยงกว่าเลย จริงๆตื่นมาตอน 9 โมงแล้วนอนต่อ ยาว…ไปหน่อย วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย คงต้องเริ่มแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไม่ตื่น ตนเตือนตนให้พ้นผิด สาธุ…

ปล.
ขอบันทึกไว้หน่อยว่า วันพฤหัสที่ 9 สิงหาคม 2550 ตอนเกือบ 6 โมงเย็น รถแท๊กซี่ที่นั่งมาโดนรถเมล์ชนท้าย เราก็ไหลไปกระแทกกับเบาะหน้า วันรุ่งเช้าเริ่มเมื่อย และเป็นต่ออีกประมาณ 2 วัน …อย่างไรก็ตามวันนั้นเป็นวันดีเพราะได้ทำอะไรที่อยากทำมาตั้งนานแล้ว ดีใจจัง…

Posted in Uncategorized | 1 Comment

แนะนำเว็บธรรมมะ

เว็บไซด์ที่จะแนะนำวันนี้คือเว็บของ “ดังตฤณ”เราเพิ่งได้เข้ามาอ่านเว็บนี้ได้ไม่นานนักสักประมาณหนึ่งสัปดาห์เห็นจะได้ค่ะ จริงๆ แล้วคุณป้าเคยพูดถึงเรื่องศึกษาธรรมมะกับเรามาสักพักใหญ่แล้ว และท่านก็เคยแนะนำเว็บนี้ แต่ตอนนั้นอาจจะไม่ได้ตั้งใจฟังมากนักจึงได้ยินไม่ชัดเจนว่าเว็บชื่ออะไร สะกดอย่างไรกันแน่ เอามาลองเปิดดูก็หาไม่เจอ (เพราะ url ทีเดาสุ่มไปนั้นผิด) แต่วันหนึ่งได้ไปอ่านกระทู้ในพันทิป ห้องโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นกระทู้ที่ร้อนเลยทีเดียวก้อประมาณเรื่องไม่เข้าใจกัน เรื่องหมั่นไส้กันเพราะเรื่องถ้อยคำเรื่องการสร้างภาพ ในความเห็นที่มีคนมาตอบกันมากมาย มีความเห็นหนึ่งซึ่งเกล่าวถึง การโต้ตอบใส่ร้ายด่าทอกันบนโลกอินเตอร์เน็ตนั้นส่งผลต่อคนกว้างขวาง เพราะมีการกระจายไปสู่คนหมู่มาก โดยผู้ตอบได้อ้างอิงไปถึงข้อความของคุณ ดังตฤน ครั้งนั้นเองทำให้เราได้กลับมาหวนถึงเว็บนี้อีกครั้งว่าต้องเป็นเว็บนี้แหละที่ป้าเราพูดถึง และก็ได้โอกาสเข้าไปอ่านและศึกษาตั้งแต่นั้นมา ต้องขอบคุณเจ้าความเห็นผู้นั้นด้วยที่ทำให้เราได้เข้ามารู้จักเว็บ ดังตฤณดอทคอม ค่ะ

ชื่อ “ดังตฤณ” มาจากคำว่า “ดัง” + “ตฤณ” โดยคำว่าว่า ตฤน แปลว่า “หญ้า” ดังนั้น ดังตฤณ จึงมีความหมายว่า ดังหญ้า (อ้างอิงจากหัวข้อ “รู้จักดังตฤณ”)โดยคุณ ดังตฤณ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมมะไว้หลายเล่มมาก เช่น คิดจากความว่าง 1-3, เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว, มีชีวิตที่คิดไม่ถึง, เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน และอื่นๆ อีกหลายเล่ม โดยชื่อที่เราคุ้นหูมากที่สุดคือเล่มชื่อ “เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน”โดยเล่มอื่นชื่อไม่คุ้นเท่าไรนัก โดยนอกจากจะมีในรูปแบบหนังสือแล้วทางผู้เขียนและทีมงานมีความใจดี ได้เปิดโอกาสให้อ่านผ่านทางเว็บไซด์ได้อีกด้วย และหากใครไม่ชอบหรือไม่สะดวกที่จะอ่านด้วยตัวเอง ก็สามารถเลือกฟังเสียงอ่านก็ได้ (ยังไม่ครบทุกเล่ม) ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีทีเดียวที่คนอย่างเรา และคนอื่นๆ จะได้ศึกษาธรรมมะ ด้วยภาษาที่อ่านไม่ยาก พอพิจารณาเข้าใจได้นำมาปฏิบัติได้ ต้องขออนุโมทนาแก่ผู้เขียนและทีมงานด้วยที่ได้ทำบุญด้วยการเผยแผ่ธรรมมะเช่นนี้ ขอบคุณค่ะ

ตอนนี้เรากำลังอ่านเล่มที่มีชื่อว่า “มีชีวิตที่คิดไม่ถึง” ผ่านทางเว็บไซด์ (สามารถดาวโหลดเป็นไฟล์ pdf ได้) ซึ่งจะนำเสนอกรรมในรูปของเกมซึ่งก็คือ “เกมกรรม ” นั้นเองโดยมีตัวเราเองเป็นเครื่องมือเล่นเกม ซึ่งสิ่งสำคัญที่ควรจะรู้ก็คือ กฏกติกาของเกม เพราะหากไม่รู้แล้วก็จะไม่สามารถทำแต้มได้ดี หรือแม้จะทำอะไรให้ถูกต้องได้เลย ครั้นอยากจะหยุดก็ทำไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่รู้กติกา ก็เปรียบกับคนเราทุกคนซึ่งกำลังอยู่ในเกมกรรม บางคนรู้ว่าควรทำอย่างไร บางคนไม่รู้ก็ได้แต่ทำผิดๆถูกๆ ไปเรื่อยๆ หนังสือเล่มนี้สามารถอ่านและพิจารณาตามได้ไม่ยากนัก อ่านแล้วสนุกทีเดียว หากตั้งใจนำไปประยุกต์ปฏิบัติด้วยก็จะได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ

มีชีวิตที่คิดไม่ถึง:ปกหน้า

เราเองยังมีกิเลสมากมาย จิตใจก็มีร้อนรุ่มเจ็บปวด โกรธ อิจฉาริษยา ก็มีทั้งนั้น แต่พยายามลดละเลิก พยายามรู้เท่าทันความคิดและการกระทำของตนเองมากขึ้น ถึงจะทำไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังดีใจที่ได้เริ่ม ความรักแบบอยากครอบครอง อิจฉาริษยา เห็นภาพบาดตาแล้วใจร้อน วูบวาบ ก็อยากจะเปลี่ยนมาเป็นความรักด้วยความปรารถนาดี รักอย่างเมตตาอย่างแท้จริง และตั้งใจจะไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะเห็นแล้วว่าเมื่อทำผิดแล้ว เราเองก็จะรู้สึกผิดอยู่แก่ใจไปนานแสนนาน หวนคิดมาเมื่อไหร่ก็เจ็บแปลบด้วยความเสียใจ แต่ในเมื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ได้ เราก็ตั้งใจจะทำตอนนี้ให้ดีที่สุดให้ความผิดหนหลังเป็นบทเรียน เราจะมีความรักด้วยความเมตตาแก่ทุกคน

ปล.วันแม่ปีนี้ตั้งใจจะซื้อหนังสือธรรมมะให้แม่กับพ่อเป็นของขวัญค่ะ การให้ธรรมเป็นทานนั้นดียิ่งถึงเราจะเป็นผู้แสดงเองไม่ได้อย่างลึกซึ้ง ก็ขอให้ได้ทำหน้าที่เผยแพร่แนะนำสื่อต่างๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งสองที่เรารักเคารพยิ่งชีวิต

Posted in หนังสือ, Philosophy | Comments Off