วันที่ฉันป่วย

วันนี้เป็นแนวบอกเล่า ไม่มีสาระใดๆ แต่อารมณ์อยากจะเล่าสู่กันฟัง ถึงจะไม่มีใครอ่านก็เถอะ ก็อะน๊ารู้ว่าผิดเอง ก็อัพเดทไม่สม่ำเสมอเอาเสียเลยนี่นา ม่ายมีวินัยซะเร้ยเรา
เรื่องของเรื่องก็คือ จะทำงานมาครบ 7เดือนครึ่งแล้วหละค่าาา เร็วจัง แป๊บๆ ก็ผ่านไปแล้วจะปี แล้วไงหนะหรือคะ ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องงานหรอกค่ะ แต่จะบอกว่าป่วยมากี่ครั้งแร้ว จริงๆ จำไม่ค่อยได้หรอก แต่รู้สึกว่าป่วยบ๊อยบ่อย ไมอ่อนแออย่างนี้หว่าเรา

ครั้งที่หนึ่ง:
ป่วยเป็นหวัดค่อกแค่กมาก แต่ก็ยังไปทำงานทุกวัน นั่งไอจามได้ทั้งวัน เข้าห้องน้ำบ่อยมาก เพราะต้องดื่มน้ำตลอดเวลา ไม่งั้นก็ไอทรมานจริงๆ ไอจนเจ็บซี่โครงไปหมดเลย คาดว่าคนที่ที่ทำงานคงแอบรังเกียจอยู่ในใจ แต่ไม่รู้จะืทำไง ห้าๆๆ ก็อะนะมันห้องปรับอากาศ หมุนเวียนอยุ่แค่นั้นรับรองติดหวัดกันราบคาบแน่ เหอๆ และเป็นจริงดังหวัง เอ๊ย ดังคาด หนึ่งสัปดาห์ให้หลังก็มีคนป่วยตามมามากมาย ดีไม๊นี่ที่กระแด๊ะ ดึ๊กๆ มาทำงาน เอาโรคมาแพร่แท้ๆ เลยเรา จากการฝืนสังขารทำให้ใช้เวลาถึงสองสัปดาห์ กว่าจะหายจากน้องหวัด ซิมเปิ้ลๆ ไวรัสตัวน้อยฤทธิ์ร้ายเหลือหลาย จำไว้เลย

ครั้งที่สอง:
ป่วยเป็นโรคทางใจซึ่งส่งผลทางร่างกายอย่างรุนแรง หลังจากสะสมมาหลายวัน ก็มาถึงจุดสุดยอด ไม่ไหวแร้ว…ร้องไห้กระจุยกระจาย นอนไม่หลับ บวกกับอาการขาดอาหารสะสม ขอยอมแพ้ โทรไปหาหัวหน้าขอลางาน ลากสังขารไปหาหมอ บอกหมอหนูเครียด ไม่มีแรง เหนื่อย ทานอาหารไม่ลง นอนไม่หลับ หนูอยากหลับ ช่วยหนูด้็วยยย และก็สมใจอยาก…..นอนให้น้ำเกลือ และฉีดยาอีกเข็ม (ฉีดเข้าสายน้ำเกลือ) ยาหมอดีจิ๊งงง ฉีดเข้าสายน้ำเกลือยังไม่ทันหมดเข็มเลย ตาก็เริ่มหนัก มองพยาบาลไม่เห็นแล้ว และก็หลับ zzZZZ คุณพยาบาลเข้ามาถามเป็นช่วงๆ ว่าจะทานข้าวไหม ไอเราก็เหมือนกระหายอยากการนอนอย่างแท้จริงมานาน ก็บอกคุณพยาบาลไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ เพรา่ะให้น้ำเกลือแร้ว มันก็ไม่หิวอะนะ เรานะนอนคนเีดียว ไม่มีใครเฝ้าไข้หรอก พอเค้าถามว่ามาคนเดียวหรือก็แอบแทงใจดำเล็กน้อย แต่ก็นะอย่างน้อยก็ยังรู้ตัวเองว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว ต้องพึ่งหมอ ทำใจเองไม่ได้ก็ให้หมอ สั่งเข็มมาจิ้มแขน ให้เจ็บซะจะได้รู้สึกตัว แต่ก็จริงแห๊ะ หลังจากออกมาก็รู้สึกดีขึ้น เหมือนหลุดจากวังวนความโศกมาได้ อย่างน้อยก็ขั้นนึง พร้อมยาหลายแหล่ อาทิ ยาบำรุง ยาคลายเครียด (เราว่าคงประมาณแนว ยาระงับประสาท เหอๆ ทานแล้วก็จะง่วงงงง) เป็นต้น แล้วก็เสียตังไง เหอๆ พันนึงมั้ง….. ต้องเสียตังแล้วรู้สึกดีเร๊อะเนี๊ยะเรา และมันก็ผ่านไป

ครั้งที่สาม:
ตาบวม ลางานหนึ่งวัน เฮ้อ ตอนแรกเป็นแค่จุดแดง ว่าแล้วเชียวมันต้องมีไรผิดปกติ และแล้วมันก็เกิดขึ้นอีกจนได้ ปีที่แล้วก็เป็น สงสัยเป็นโรคประจำปี ดูรูปได้นะก๊ะ ว่าน่าเกลียดขนาดไหน มีปัญหาคือ จะอ่านหนังสือ หรืออะไรที่ต้องจ้องมาก จะเวียนหัว เพราะตามันเปิดได้ไม่เท่ากัน ต้องพยายามเบิ่งตา แล้วพอฝืนไปนานๆ มันก็เกิดอาการเวียนหัวและหงุดหงิด เห้อ จะว่าไปแอบดูใครอาบน้ำก็ป่าวนา อิอิ

puffyeye


ครั้งที่สี่:
คออักเสบเนื่องจากการติดเชื้อพอเกิดอาการอักเสบ ร่างกายเลยป่วยไปด้วย อ่อนเพลียมาก และเจ็บคออย่างสุดซึ้ง เจ็บมาก นอนร้องไห้เลย ไปปรึกษาเภสัชกรและได้ยาแก้อักเสบมาทานก็ไม่ดีขึ้น สรุปไปหาหมอเจ้าเก่า หมอถามว่าวันนี้เป็นไรมา เฮ้อ เจอหมอคนเดิม เป็นแฟนพันธุ์แท้หมอไปซะแระเรา ตอนไปหาหมอ มีอาการมือบวมด้วย เป็นเพราะทานยาแก้ปวดหมออายุหรือป่าวหว่า บวมๆคันๆ สรุปหมอก็บอกว่าทานยาแก้อักเสบแล้วไม่ดีขึ้นหรอ งั้นลองเปลี่ยนยาแล้ว และฉีดยาสักเข็มนะ……. อีกแระ โดนจิ้มประจำ แต่ยาฉีดสงสัยเป็นยาวิเศษ พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็หลั่นล๊าาไปทำงานได้ หาเจ็บเป็นปลิดทิ้ง และได้ยามาอีกสี่ถุง คือ ยาลดกรด, ยาแก้ปวด, ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาแก้เจ็บคอ ครั้งนี้หมดไป 320 บาท และลางานไปสองวัน ดูเหมือนสำออย อะไรกั๊น เจ็บคอแล้วลางาน?ใช่่แล้ว เพราะเห็นผลแล้วว่าถ้าดันทุรัง แล้วเรื้อรังนานๆ มันไม่คุ้มกันอะ ทรมานนนน แต่เรื่องตลกก็คือ อาการป่วยครั้งนี้เริ่มต้นจาก การทานฝอยทองกรอบ อย่างตะกละตะกรามของเราเอง อื๊มมมม อร่อย เคิ้ยวๆ กลืนๆ ลูกต่อลูกอย่างเมามัน และแล้วเศษฝอยทองกรอบก็ไปติดคอ พยายามแล้วแต่เอามันออกมาไม่ได้ ก็นอนไปทั้งอย่างนั้น รุ่งเช้าเห็นผล เจ็บคอเกิดบรรยาย แหงหละ น้ำตาลหนิ อาหารโปรดของพวกเชื้อเลย คงโตเต็มคอเราเลยหละ ปาร์ตี้กันในคอชั้นสนุกไหมย๊ะ เจ็บๆๆๆ อีกอย่างคงเป็นเพราะตอนที่กลืนฝอยทองกรอบ มันค่อนข้างแข็ง เคี้ยวก็ไม่ละเอียด มันก็คงไปบาดคอเรา รอไว้ก่อนแล้ว พอมีเศษไปติืดค้างข้างในอีก เลยเข้าทางเชื้อโรคเลย สรุปสาเหตุเกิดมาจากความตะกละ ขอพี่น้องพึงระวัง จงรับประทานอย่างมีสติ ขอเตือน ด้วยรักและฝอยทองกรอบบบบ นะสิบอกไห่

ปล. ไมเคิลถามว่า จะป่วยบ่อยด้วยอัตราอย่างนี้ไปตลอดเลยอ๊ะป่าว …..ตอบว่าใครจะรู้หละจ๊ะ ถ้าดูแลดีก็ม่ายป่วยหรอก ตอนนี้แบบว่าหงอยเหงา ขาดคนดูแล เลยจิตใจอ่อนแอ ร่างกายเลยเหี่ยวแห้งทรุดโทรม จะบอกว่าจะไม่ทะเลาะด้วยแล้วนะ เหนื่อยและบั่นทอนอะ มาดีกันดีก่า เราเองแหละชอบกดดันผู้อื่น สงสัยจะเป็นโรคจิต ขอโทษนะคะ (จะอ่านรู้เรื่องป่าว? อิอิ ใครจะเอาไปบอกให้ก็ได้นะคะ)

สุขขีสโมสรกันถ้วนหน้า นะคร้าาา ไปแระค่ะ บั๊ยบายยย

This entry was posted in Uncategorized. Bookmark the permalink.